หลังจากมีการเลื่อนกำหนดเปิดตัว Robotaxi มาเรื่อย ๆ ในที่สุด Tesla ก็เปิดให้บริการรถแท็กซี่แบบไร้คนขับอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ ย่านหนึ่งในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งยังเป็นบริการจำกัดเฉพาะกลุ่มแฟนคลับที่ได้รับเลือก และจำเป็นต้องมีพนักงาน Tesla นั่งประจำที่เบาะหน้าเพื่อความปลอดภัย

ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นทันทีถึง 8.2% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 348.68 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11,506 บาท ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนว่าเทคโนโลยีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเพิ่มรายได้และผลักดันมูลค่าบริษัทในอนาคต

บริการครั้งนี้ยังไม่ใช่รูปแบบที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เคยโฆษณาไว้เมื่อปี 2019 ว่าจะเปิดให้เจ้าของรถ Tesla สามารถปล่อยรถให้วิ่งรับส่งผู้โดยสารหารายได้เหมือนแท็กซี่ไร้คนขับ โดยยังไม่มีการใช้ Cybercab ที่ไม่มีพวงมาลัยหรือแป้นเหยียบตามที่ประกาศไว้ และรถที่นำมาให้บริการก็เป็นเพียง Model Y รุ่นเดิม ๆ ที่บริษัทเป็นเจ้าของ

หากเทียบกับคู่แข่งโดยตรง Tesla เริ่มต้นให้บริการเฉพาะในย่านออสติน ซึ่งราคาค่าโดยสารเหมาจ่ายอยู่ที่ 4.20 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 140 บาท ในขณะที่ Waymo ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alphabet (Google) ได้เปิดบริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในหลายเมือง รวมถึงออสตินมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว และให้บริการมากกว่า 250,000 เที่ยวต่อสัปดาห์

แดน ไอฟส์ (Dan Ives) นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ซึ่งเป็นแฟนคลับ Tesla ตัวยง ระบุว่าทีมของเขาทดลองนั่ง Robotaxi หลายรอบในวันแรก พร้อมยกย่องการขับขี่ว่า “น่าประทับใจ” แม้จะมีถนนแคบ รถจอดขวาง และกรวยจราจร รถก็ยังสามารถนำทางได้อย่างแม่นยำ

ไอฟส์ยังเชื่อว่า แม้การขยายจำนวนรถและโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นความท้าทาย แต่ภาพอนาคตของ Robotaxi แบบไม่มีคนขับในระดับล้านคันภายในปี 2026 ยังเป็นไปได้ ถ้า Tesla สามารถพัฒนาและส่งมอบตามแผนได้จริงในระดับอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ดี ในโลกโซเชียลก็เผยคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นข้อผิดพลาดในการขับขี่ เช่น การขับผิดเลนหลังจากพยายามเลี้ยวซ้ายไม่สำเร็จ และขับไปฝั่งตรงข้ามของจุดหมาย รวมถึงเหตุการณ์ที่รถไม่ยอมหยุดให้ผู้โดยสารลง แม้จะถึงจุดหมายแล้ว ทำให้หลายคนยังคงกังวลและต้องจับดูการพัฒนา Robotaxi ต่อไป