โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2025 ที่น่าผิดหวัง โดยกำไรจากการดำเนินงานลดลงถึง 37% เทียบกับปีก่อน ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โลกในอนาคต

• รายได้รวม อยู่ที่ 77,600 ล้านยูโร (ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 2.8% จากไตรมาสแรกปี 2024
• กำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 2,900 ล้านยูโร หรือราว 101,200 ล้านบาท ลดลงจาก 4,590 ล้านยูโรในช่วงเดียวกันของปีก่อน
• ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก รวม 2.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อน โดยออร์เดอร์ในยุโรปตะวันตกพุ่งถึง 29%

รายได้รวมจะยังเติบโตเล็กน้อยจากการขายในตลาดโลกไม่รวมจีน แต่บริษัทยอมรับว่าต้องเผชิญความท้าทายจากต้นทุนที่สูงขึ้นและผลกระทบจากปัจจัยพิเศษที่ฉุดกำไรให้ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก โดยในแถลงการณ์ล่าสุด โฟล์คสวาเกนระบุว่าแนวโน้มทั้งปีอาจแตะระดับล่างของกรอบคาดการณ์เดิม

แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จะเพิ่งออกคำสั่งบริหารใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อผ่อนปรนภาษีบางส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ภาษีนำเข้า 25% ยังคงมีผลกับรถยนต์ต่างชาติที่เข้าสหรัฐฯ รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องเสียภาษีเพิ่มเติมอีก 25% เริ่ม 3 พฤษภาคมนี้

อาร์โน แอนต์ลิทซ์ (Arno Antlitz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและปฏิบัติการของโฟล์คสวาเกน กล่าวว่า “ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน เราจำเป็นต้องเน้นการควบคุมต้นทุนและรักษาความได้เปรียบด้านผลิตภัณฑ์ เพื่อให้อยู่รอดในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”