จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว 5 โพรเจกต์ภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปีนี้และปีหน้าไม่เมื่อวันก่อน สำหรับค่ายหนังอารมณ์ดีและขึ้นชื่อว่า สร้างหนังทำเงินมาครองสถิติบนตารางหนังทำเงินประเทศไทย รวมถึงสร้างนักแสดงและผู้กำกับมากความสามารถมาประดับวงการหนังไทยอยู่ตลอด สำหรับ GDH ที่สืบสานและต่อยอดมาจาก GTH ในอดีตอีกที
วันนี้ What The Fact จะขอชวนย้อนมองเทียบกัน 6 ขวบปีแรกของ GDH และ GTH ที่เชื่อว่าเป็นขวบปีแห่งการ”ตั้งไข่” ที่แม้จะมีทั้งหนังที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวทางรายได้ แต่ก็เชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่มีเสน่ห์ที่จะได้เรียนรู้และเติบโตของค่ายหนัง รวมถึงหนังบางเรื่องก็งดงามเกินกว่าจะถูกวัดค่าความสำเร็จแค่เพียงรายได้อย่างเดียว
5 หนังใหม่ของปีนี้และปีหน้า..บอกอะไร?
ภายในงาน GDH Xtra Ordinary 2021 Line Up ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ได้ทำการเปิดตัวหนังของค่ายในปีนี้และปีหน้ามากถึง 5 เรื่องซึ่งเป็นจำนวนเรื่องต่อปีมากที่สุดของค่าย GDH เท่าที่เคยมีมา เพราะโดยเฉลี่ยแล้วแต่ละปีจะมีหนังค่ายนี้เข้าฉายปีละ 2 เรื่อง มากสุดคือปี 2561 ที่มีถึง 4 เรื่อง แต่ “BNK48: Girl Don’t Cry” (2561) นั้นเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่ไม่ได้เป็นผลงานสร้างเอง
ภาพยนตร์ที่จะฉายเรื่องแรกสุด 3 ธันวาคมนี้ คือ “อ้าย..คนหล่อลวง” ซึ่งเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ GDH กับพระเอกอันดับหนึ่งแห่งยุคปัจจุบัน ณเดชน์ คูกิมิยะ หลังจากญาญ่า-อุรัสยา นางเอกอันดับหนึ่งเคยนำร่องประสบความสำเร็จกับค่ายนี้ตั้งแต่ตอน “น้อง.พี่.ที่รัก” (2561) ไปแล้ว รวมถึงค่ายนี้เองก็เป็นค่ายที่ประสบความสำเร็จกับการนำนักแสดงจากโทรทัศน์มาอยู่ในหนังเสมอ ตั้งแต่ยุค “รถไฟฟ้า มาหานะเธอ” (2552) ที่นำแสดงโดยเคน-ธีรเดช หรือ “ลัดดาแลนด์” (2554) ที่นำแสดงโดยก้อง-สหรัถ ส่วนกับ ณเดชน์นั้น นับเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 3 หลังจากไม่ประสบความสำเร็จแต่แสดงไว้ได้สมฝีมือใน “คู่กรรม” (2556) และประสบความสำเร็จทางรายได้ไปกับ “นาคี 2” (2561) ครั้งนี้จึงเป็นความหวังจะได้อยู่ในหนังร้อยล้านอีกครั้งเมื่อได้มาร่วมงานกับ GDH
นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ในเรื่องก็เป็นขาประจำของ GDH ทั้งนางเอกใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ที่เป็นนางเอกขาประจำของหนังไทยด้วย (นับตั้งแต่ “นายอโศกกับ น.ส.เพลินจิต” (2546) ใบเฟิร์นเล่นหนังไทยไปแล้วทั้งหมด 15 เรื่อง! และแจ้งเกิด กับ “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า…รัก” (2553)), แบงค์-ธิติ ที่ปีที่แล้วได้รับคำชมจากการแสดงในซีรีส์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน (2562) ในบทตัวร้าย และแจ้งเกิดมาจาก “เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ” (2554) หนังเรื่องสุดท้ายของ GTH ประกบด้วยเผือก-พงศธร ตัวตบมุกขาประจำของ GDH ที่น่าสนใจอีกคนก็คือ อ้าย..คนหล่อลวงจะกลายเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของนางเอกรุ่นใหญ่ คัทลียา แมคอินทอช นับตั้งแต่เธอเข้าวงการมาในปี 2530 ด้วย เธอที่เพิ่งมีผลงานละครกับ GDH ใน One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ (2562) และเลือดข้นคนจาง (2561) ก็น่าจะทำได้ดีสมฝีมืออีกคนเช่นกัน
เรื่องที่ 2 ภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ “โกสต์แล็บ…ฉีกกฎทดลองผี” ภาพยนตร์เต็มเรื่องแรกของพระเอกวัยรุ่นตัวท็อปของค่าย ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต ที่แจ้งเกิดจากซีรีส์ “เลือดข้นคนจาง” และ “ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์” ประกบ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ที่รับบทเป็นพี่น้องกันมาแล้วใน “เลือดข้นคนจาง” ซึ่งต่อเคยมีผลงานภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางรายได้ระดับกลาง ๆ มาแล้วอย่าง “ฝากไว้..ในกายเธอ” (2557) และ “เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ” (2558) ส่วนนางเอกของเรื่องได้ ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ นางเอกจากช่อง 3 คนล่าสุดมาร่วมงานกับ GDH ก่อนหน้านี้ผลงานละครที่โด่งดัง แจ้งเกิดจาก “ทองเนื้อเก้า” (2556) และ “สะใภ้จ้าว” (2558)
เรื่องที่ 3 ยังไม่มีการประกาศรายชื่อนักแสดงจึงขอข้ามไปเล่าในข้อต่อไปที่พูดถึงผู้กำกับ เรื่องที่ 4 “W” โพรเจกต์ภาพยนตร์ที่เป็นการร่วมทุนสร้างครั้งแรกระหว่าง GDH กับนาดาวบางกอก ที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมสร้างกันเฉพาะซีรีส์เท่านั้น ความน่าสนใจก็คือการนำแสดงโดย 9 นักแสดงสาวขวัญใจวัยรุ่นตัวท็อปฝั่งฝ่ายหญิง (ที่แทบจะท้าชน BNK48 ได้เลย) อย่างฝน-ศนันธฉัตร แจ้งเกิดจาก “ATM เออรัก เออเร่อ” (2551) และไปมีผลงานสุดฮิตนอกค่ายอย่าง “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” (2561) และ “ไบค์แมน 2” (2562), เบลล์-เขมิศรา จากซีรีส์ Hormones ทั้ง 3 ซีซัน (2556-2558) และ Project S The Series ตอน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่ (2560) , แพรวา-ณิชาภัทร จากซีรีส์ Hormones 2 ซีซันหลัง, ฟรัง-นรีกุล จาก “เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ” (2558) และ ซีรีส์ Hormones 2 ซีซันหลัง
ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ จาก “เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ” (2558), ซีรีส์เลือดข้นคนจาง, Project S The Series ตอน Shoot I Love You ปิ้ว ยิงปิ้งเธอ และซีรีส์ Hormones 2 ซีซันหลัง, กุ๊กไก่-ภาวดี จาก Project S The Series ตอน Spike! และ Hormones ซีซัน 3 , แพต-ชญานิษฐ์ จากละคร “รักนี้หัวใจเราจอง”, Project S The Series ตอน SOS Skate ซึม ซ่าส์ รวมถึงผลงานออริจินัล คอนเทนต์เรื่องแรกของบน Netflix อย่าง “เคว้ง” ด้วย, แพรว-นฤภรกมล จาก “เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ“, Project S The Series ตอน SOS Skate ซึม ซ่าส์ และ Hormones ซีซัน 3และ นาน่า-ศวรรยา’ จาก ซีรีส์เลือดข้นคนจาง และ ฉลาดเกมส์โกง เดอะซีรีส์ โดยมีผู้กำกับย้ง-ทรงยศ ผู้บริหารนาดาวบางกอกนั่งแท่นโปรดิวเซอร์
เรื่องที่ 5 เรื่องสุดท้าย “บุพเพสันนิวาส 2” กับการสานต่อของละครไทยที่ดังที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาอย่าง “บุพเพสันนิวาส” ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มาทำเป็นภาคต่อในฉบับภาพยนตร์ (จากทีแรกที่เคยมีข่าวว่าจะทำเป็นฉบับละครฉายโทรทัศน์เหมือนเรื่องแรก) ผลงานการร่วมทุนสร้างระหว่าง GDH และ บรอดคาสต์ ไทย เทเลวิชั่น และยังคงได้ โป๊ป-ธนวรรธน์ และเบลล่า-ราณี กลับมารับบทเดิมในภพชาติใหม่ซึ่งจะเป็นเรื่องราวสมัยต้นยุครัตนโกสินทร์
นับเป็นการสานต่อความสำเร็จของละครอย่างที่ “นาคี 2” เคยทำสำเร็จมาแล้วในปี 2561 แต่ครั้งนั้นช่อง 3 โดยผู้กำกับพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ลงทุนสร้างหนังเอง ต่างจากครั้งนี้ที่ช่อง 3 หันมาใช้บริการค่ายหนังมืออาชีพในการสร้าง (และน่าสังเกตว่า ละครฮิต ๆ มักจะถูกมาทำภาคต่อเป็นหนัง อย่างช่อง 7 ก็เอาภาคต่อขอละคร “ผู้บ่าวอินดี้ยาหยีอินเตอร์” นำแสดงโดยเวียร์-ศุกลวัฒน์ มาทำเป็นหนัง “เลิฟยูโคกอีเกิ้ง” เช่นกัน)
โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ เคยเล่นหนังไทยเรื่อง “October Sonata รักที่รอคอย” ตอนปี 2552 และแสดงเป็นตัวประกอบในหนัง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3-5” (2554-2557) ก่อนจะมาโด่งดังกับผลงานละครอย่าง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” และโด่งดังขีดสุดกับ “บุพเพสันนิวาส” ในปีนี้กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ร่วมกับพระเอกของ GDH เต๋อ-ฉันทวิชช์ ในหนังที่ไม่ใช่ของ GDH อย่าง “เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ” ส่วนเบลล่า ราณี นั้นเคยแสดงภาพยนตร์ “มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย” (2555) และในปีนี้ก็จะมี “อีเรียมซิ่ง” หนังพีเรียดสุดฮาเตรียมเข้าฉายช่วงธันวาคม หลังจากเลื่อนฉายเพราะโควิดมาจากเดือนเมษายน เชื่อว่า เมื่อ “บุพเพสันนิวาส 2” ก็จะกลายเป็นหนังร้อยล้านในเครดิตของทั้งคู่แน่นอน
การกลับมาของทีมผู้กำกับลูกหม้อ
ในปี 2563 ที่จะมีหนังของ GDH เข้าฉายเพียงเรื่องเดียว นั่นคือ “อ้าย..คนหล่อลวง” เรื่องนี้ยังคงได้ เมษ ธราธร ผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากับการสร้างหนังตลกให้กับ GTH ทั้ง “ATM เออรัก เออเร่อ” (2555) และ “ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” (2557) 3 อันดับหนังทำงานสูงสุดของ GTH ซึ่งก็มั่นใจได้เลยว่ากับหนังตลกนั้นผู้กำกับคนนี้รับประกันความฮาอย่างเชื่อมือได้
เรื่องที่สอง “โกสต์แล็บ…ฉีกกฎทดลองผี” ถือเป็นโชคดีของคนไทยที่ผู้กำกับกอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับสายหนังทริลเลอร์อุดมไปด้วยเอฟเฟกต์จาก “บอดี้ ศพ #19” (2550) ได้หวนกลับมาจับงานในสไตล์เดิมอีกครั้ง ซึ่งจะว่ากันจริง ๆ นับตั้งแต่ผลงานเรื่องนั้นเมื่อ 13 ปีก่อน วงการหนังไทยมีหนังทริลเลอร์จิตวิทยาออกมาไม่ถึง 3 เรื่อง ผลงานของผู้กำกับคนนี้เรื่องอื่น ๆ ยังได้แก่ “สี่แพร่ง” ตอน ยันต์สั่งตาย (2551), “ห้าแพร่ง” ตอน หลาวชะโอน (2552) และ “รัก 7 ปี ดี 7 หน” ตอน 14 (2555) หนังฉลองครบรอบ 10 ปีของ GDH ซึ่งไม่ใช่หนังทริลเลอร์เรื่องแรกของผู้กำกับที่ก็ทำหนังออกมาได้สนุกและแทบจะเป็นบทบันทึกของการใช้โซเชียลมีเดียในยุคนั้น (ที่มาถึงตอนนี้ก็เชยไปแล้ว)
เป็นผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย สำหรับ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่กำกับมาแล้วทั้งหนักโรแมนติกคอมเมดี้ (“กวนมึนโฮ” (2554), “แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว” (2559) หนังเรื่องแรกของ GDH), หนังตลกสยองขวัญทำรายได้ 1,000 ล้านบาท “พี่มาก..พระโขนง” (2556) หนังที่ทำรายได้ที่สุดของประเทศจนถึงตอนนี้) แต่โต้งนั้นแจ้งเกิดมาจากหนังผีล้วน ๆ (“ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” (2547) หนังเรื่องแรกอย่างเป็นทางการของ GTH, “แฝด” (2550), “สี่แพร่ง” ตอน คนกลาง (2551) และ “ห้าแพร่ง” ตอน คนกอง” (2552) นี่จึงเป็นการกลับคืนสู่การกำกับหนังในแนวทางที่ถนัด
เรื่องที่ 3 ของ GDH ในงานนี้ใช้ชื่อว่า “ร่างทรง” กับการร่วมมือกับ บริษัท Showbox จากประเทศเกาหลีใต้ โดยได้ นา ฮงจิน ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ชื่อดังระดับโลก มาร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ในเรื่องนี้ด้วย เขาโด่งดังจาก The Wailing (2016) หรือชื่อไทยว่า “ฆาตกรรมอำปิศาจ” รวมถึงเคยมีผลงานอย่าง The Yellow Sea (2010) และ The Chaser (2008) ด้วย โดยหนังร่างทรงนี้จะเข้าฉายทั้งในไทย และบริษัท Showbox จะรับหน้าที่จัดจำหน่ายทั้งในเกาหลีและทั่วโลก ผู้กำกับโต้งนั้นเคยกำกับผลงานต่างประเทศ The ABCs of Death ในปี 2555 ที่เป็นหนังรวมหนังสั้นสยองขวัญทั้งหมด 26 เรื่อง ตั้งชื่อเรื่องตามตัวตัวพยัญชนะของภาษาอังกฤษ 26 ตัว
มาถึงผู้กำกับปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร แม้จะยังไม่เคยมีผลงานเป็นหนังใหญ่แบบเต็มเรื่องกับ GDH แต่ก็เคยมีผลงานกำกับ “พรจากฟ้า” ตอน ยามเย็น (2559) และหนัง “เพื่อนไม่เก่า” (2554) กับสหมงคลฟิล์มมาก่อน ส่วนผลงานกำกับซีรีส์นั้น ก็รับผิดชอบมาแล้วทั้งกำกับและเขียนบท “Hormones” ซีซัน 1–3 (เขียนบทในซีซัน 1 และทั้งกำกับและเขียนบทในซีซัน 2-3) ซึ่งจากการคลุกคลีเคยทำงานกับนักแสดงนาดาวบางกอกมาเป็นอย่างดี แฟน ๆ หนังคงจะได้เห็นผลงานวัยรุ่นกับประเด็นแรง ๆ ในหนัง “W” เรื่องนี้
ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้กำกับ “แฟนฉัน” (2546) หนังก่อร่างสร้างตัวของค่าย GTH แต่ก็ถือเป็นผู้กำกับในกลุ่มนี้ที่มีหนังฮิตเป็นคนท้าย ๆ เพราะหนังเรื่องแรก “หมากเตะโลกตะลึง” (2549) ดันไปเจอปัญหาดราม่ากับประเทศเพื่อนบ้านจนทำให้ต้องมีการรื้อถ่ายทำและซ่อมเอฟเฟกต์ใหม่ทั้งเรื่องจนหนังช้ำและไม่ได้รับการตอบรับตอนหนังเข้าฉาย แต่เขาก็กลับมาอย่างยิ่งใหญ่กับ “รถไฟฟ้า มาหานะเธอ” (2552) ซึ่งกลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของ GTH ใน 6 ปีแรกด้วย
ผลงานเรื่องอื่น ๆ ของเขายังมี “รัก 7 ปีดี 7 หน” ตอน 21/28 ซึ่งเป็นตอนดราม่ากระชากใจที่สุดใน 3 เรื่องในหนังเรื่องนั้น นำแสดงโดยซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ และคริส หอวัง แล้วก็ยังมีผลงานกำกับละคร “น้ำตากามเทพ” ที่เคยเป็นละครตลกในฉากสั้น ๆ ของ “รถไฟฟ้า มาหานะเธอ” ที่ถูกนำเอามาขยายเป็นละครเต็มเรื่อง ซึ่งจากผลงานทั้งหมดก็รับประกันได้ว่า “บุพเพสันนิวาส 2” จะเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่น่าจะตลกมากและซึ้งมาก