25 Years Movies
25 Years Movies

คิดถึงไหม? 20 หนังดัง-เปี่ยมคุณภาพที่ “อายุครบ 25 ปี”

ตลอดทั้งปี 2020 นี้ What the Fact ได้ชวนย้อนความทรงจำไปกับหนังดังและหนังคุณภาพที่ครบรอบ 25 ปีไปพอสมควร ทั้ง Braveheart (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ในปีนั้น), Waterworld หนังที่เจ๊งที่สุดในปีนั้นและครองตำแหน่งเจ๊งที่สุดตลอดกาลอีกหลายปีต่อมา, Outbreak หนังโรคระบาดที่เนื้อหาช่างพอเหมาะพอเจาะกับสถานการณ์ปีแห่งโควิด-19, Se7en, Heat, Dangerous Mind ซึ่งบทความนี้จะขอไม่ย้อนกลับไปเล่าถึงซ้ำ (แต่หวังว่าคุณผู้อ่านจะกลับไปอ่านบทความเหล่านั้น กดอ่านได้ที่ชื่อเรื่อง) นอกจากเรื่องที่ว่ามานี้ก็ยังมีหนังเรื่องเยี่ยมอีก 20 เรื่องที่หากใครไม่เคยดู ไม่ว่าจะเกิดไม่ทันหรือผ่านหูผ่านตาไป เหล่านี้คือหนังปี 1995 ที่เราไม่อยากให้พลาด

ชวนอ่าน รวมหนังฮิตที่รู้ตัวอีกที ดูมา 20 ปี แล้วหรือเนี่ย! (บทความปี 2019)

TOY STORY

ภาพยนตร์ที่เรียกได้เลยว่า เป็นจุดเริ่มต้นของหนัง Pixar ที่ครองใจผู้ชมทั่วโลกตลอดมาอีก 25 ปีกับแนวทางหนังเด็กที่ไม่ใช่สร้างมาเพื่อเด็กดูเท่านั้น (แต่แฝงประเด็นที่ผู้ใหญ่ดูแล้วต้องน้ำตารื้น เพราะได้นำหัวใจแห่งความเป็นเด็กกลับมาใช้ดูอีกครั้งร่วมกับลูก ๆ หลาน ๆ) กับตัวแฟรนไชส์ Toy Story เองก็มีออกถึงภาคที่ 4 และทุกภาคก็ประสบความสำเร็จทางรายได้อย่างมาก การ์ตูน Pixar อยู่ร่วมสมัยกับผู้คนที่อายุ 10-30 ปีในตอนนี้ อย่างชนิดที่หนังเรื่องใหม่เขาก็จะมีคอหนังทั่วโลกตามไปดูกับเรื่องนี้

แต่ความสำเร็จระดับนี้ไม่ได้มาโดยง่าย Pixar นั้นก่อร่างสร้างตัวมาจากการเป็นบริษัทลูกของ Apple (บริษัทผู้ผลิต iPhone ในทุกวันนี้) พวกเขาสร้างภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติออกมามากมายจนไปเตะตา Disney แต่ก็ใช้เวลาอีกระยะกว่าที่ทีมงานฝั่ง Disney จะให้การยอมรับ Pixar Studio ถึงอย่างนั้นเมื่อได้เริ่มพัฒนาบทและออกแบบตัวละคร Jeffrey Katzenberg หัวเรือใหญ่ของ Disney ตอนนั้นก็ไม่ยอมให้หนังสอบผ่าน John Lasseter ผู้กำกับของเรื่องทำหนังเรื่องนี้เรื่องเดียวและทิ้งงานอื่นทั้งหมดเพื่อทำหนังต่อไปอีก 2 ปี แต่หนังก็ยังไปไม่ถึงไหนจนถูกสั่งพักงานสร้าง ท้ายที่สุดทีมงานจึงเปลี่ยนบทครั้งสุดท้ายให้เป็นเรื่องของการถ่ายทอดความในใจของเหล่าของเล่นผู้รักเจ้าของ Disney จึงยอมให้สอบผ่านและทำหนังจนเสร็จในที่สุด

Pete Doctor ผู้กำกับเรื่อง Up (2009), Inside Out (2015) และ Soul หนึ่งในทีมเขียนบทและ สร้างสรรค์แอนิเมชันเรื่องนี้ได้เล่าให้ฟังว่า “ในตอนที่เริ่มสร้างนั้น พวกเราไม่รู้เลยว่าจะเริ่มทำอะไรกันยังไง ไม่รู้ว่าจะต้องจ้างใครมาทำงานอะไรในการสร้างหนังสักเรื่อง เรียกว่าเราเดินหน้ากันแบบ “ตอร์ปิโด” ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง พอมองย้อนกลับไปมันก็เป็นอะไรที่บ้าบิ่นมากครับ ต้องยกเครดิตให้ John Lasseter ผู้กำกับและ Ralph Guggenheim ที่มอบวิสัยทัศน์หลายอย่างให้กับหนังเรื่องนี้ ผมเหมือนได้ไปโรงเรียนทุกวัน และเหมือนผมได้เข้าไปในโรงรถที่เต็มไปด้วยคนเจ๋ง ๆ กำลังรวมหัวกันทำเรื่องสนุก ๆ นั่น ประสบการณ์ครั้งนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าค่าจ้างที่ผมได้จากการทำหนังเรื่องนี้ครับ”

ชวนอ่าน ที่สุดของฉากหนังดัง” ตลอด 25 ปี ที่ขับเคลื่อนโลกและความทรงจำของผู้คน (ตอนที่ 1)

  • ให้เสียงพากย์: Tom Hanks, Tim Allen, Don Rickles, Jim Varney, Wallace Shawn, Annie Potts
  • ผู้กำกับ: John Lasseter (A Bug’s Life, Toy Story 2, Cars, Cars 2)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30/404 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB rating: 100% / 8.3/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขา (รางวัลพิเศษด้านการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชัน ในปีที่ยังไม่มีรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 3 สาขา (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

CASPER

ผู้กำกับพ่อมดแห่งฮอลลีวูด Steven Spielberg มีแผนอยากจะนำ Casper the Friendly Ghost แอนิเมชันจากยุค 1940s ที่เล่าเรื่องราวของผีน้อยนิสัยดีมาดัดแปลงเป็นหนัง แต่แล้วหนังที่เขาจะอำนวยการสร้างก็ผ่านมือผู้กำกับอีกหลายคนที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป จนกระทั่ง Spielberg ได้ชมซีรีส์ดราม่าครอบครัวเรื่อง Brooklyn Bridge ที่ออกอากาศต่อจากการรีรัน E.T. the Extra-Terrestrial (1982) หนังของเขาทางทีวี เขาจึงตัดสินใจโทรหาผู้กำกับของซีรีส์เรื่องนั้นอย่าง Brad Silberling เพื่อเชิญมากำกับ Casper แต่ฝ่ายหลังนั้นถึงกับไม่กล้ารับงานเพราะไม่เคยทำหนังที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์มาก่อน สุดท้ายก็ด้วยทีมงานคู่บุญของ Spielberg ชนิดยกทีมมาช่วยกันสร้าง หนังก็ประสบความสำเร็จ

นี่คือภาพยนตร์เรื่องแรก ๆ ที่ตัวละครหลัก (ผีน้อย Casper) สร้างจาก CGI ในยุคที่เทคโนโลยีของการถ่ายยังไม่ทันสมัยเหมือนวันนี้ ทำให้นักแสดงร่วม ผู้กำกับ และทีมงานต้องถ่ายเจ้าผีน้อยในอากาศแบบกะ ๆ เอาว่าตัวละครนี้จะอยู่ตรงไหนในฉาก รวมถึงนักแสดงที่ให้เสียงพากย์เป็นผีตัวอื่น ๆ ก็ต้องมาให้เสียงพากย์อยู่หลังกล้องจริง ๆ ตอนถ่ายด้วย หนังเป็นเรื่องราวของคู่พ่อลูก Dr. Harvey นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้ยังยึดติดกับภรรยาที่จากไปและพยายามจะชุบชีวิตเธอกลับคืนมา เขาอยู่กับลูกสาวอย่าง Kat ที่ต้องย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์หลังโตโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่ามีผีเจ้าถิ่นอาศัยอยู่

  • นักแสดง: Bill Pullman, Christina Ricci, Devon Sawa, Cathy Moriarty, Amy Brenneman
  • ผู้กำกับ: Brad Silberling (A Series of Unfortunate Events,  City of Angels, Land of the Lost)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 50/287 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 51% / 6.1/10

BABE

ในยุคที่ภาพยนตร์แนวครอบครัวดำเนินเรื่องด้วย “สัตว์” ยังไม่ค่อยมีมากนัก เพราะต้องใช้การถ่ายทำและ CGI ระดับเทพเข้าช่วย การมาถึงของ Babe เรื่องราวของเจ้าหมูน้อยในฟาร์มใหญ่จึงเป็นความแปลกใหม่ของวงการ ชนิดที่ทำให้หนังสัตว์เรื่องหนึ่งที่ไม่มีดาราใหญ่นำแสดงเลยได้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ ผู้สร้างและผู้เขียนบท (ที่ทำหน้าที่ยิ่งกว่าการเป็นผู้กำกับ) คือ George Miller คนเดียวกับที่ทำหนังโหด-ดิบ-เถื่อนอย่าง Mad Max ทุกภาค (1979-2015) (แต่เขาก็ทำหนังแอนิเมชันสำหรับเด็กเรื่องฮิต เรื่องราวของเหล่าเพนกวินจักรพรรดิอย่าง Happy Feet ด้วย (2006-2011))

Babe สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง “Babe the Gallant Pig ” ของนักประพันธ์ชาวอังกฤษ Dick King Smith เรื่องราวเกี่ยวกับหมูน้อยตัวหนึ่งที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในฟาร์มของนาย Hoggett หมู Babe สนิทกับแม่สุนัขต้อนแกะของฟาร์ม จนทำให้ Hoggett อยากจะฝึกฝนให้หมูต้อนแกะได้เหมือนกัน แต่ไม่มีสัตว์ตัวไหนในฟาร์มเชื่อว่า Babe จะทำได้ แต่เจ้าของฟาร์มเห็นว่าเขานั้นมีความสามารถ จึงตัดสินใจส่งเจ้าหมูน้อยเข้าการแข่งขันสุนัขต้อนแกะ ซึ่ง Babe เป็นหมูเพียงตัวเดียวที่เข้าแข่งขัน

George Miller บินลัดฟ้าจากบ้านเกิดออสเตรเลียเพื่อมาขอคำปรึกษาจากผู้กำกับชั้นครูอย่าง Stanley Kubrick ที่อังกฤษว่าจะทำยังไงให้เจ้าหมูในหนังพูดได้ สุดท้ายแม้ว่า Miller จะหาวิธีทำให้ปากของเหล่าสัตว์ขยับได้เองตามที่ต้องการโดยไม่ได้พึ่ง Kubrick มากนัก แต่ Miller ก็บอกว่า เขาได้มุมมองและแนวคิดที่ดีจาก Kubrick เพื่อไปใช้สร้างหนังเรื่องนี้มากโข

เมื่องานสร้างเริ่มต้น หนังเรื่องนี้ต้องใช้หมูมาแสดงเป็น Babe มากถึง 48 ตัว (เพราะหมูโตเร็ว) รวมถึงมีผู้ดูแลสัตว์ประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในการแสดงมากถึง 56 คนเลยทีเดียว James Cromwell นักแสดงวัย 55 ปี เจ้าของบทนาย Hoggett เกือบจะปฏิเสธบทนี้ไปหลังจากอ่านบทแล้วพบว่า เขามีบทพูดอยู่แค่ 16 ครั้งเท่านั้นตลอดเรื่อง แต่ก็เปลี่ยนใจในที่สุด สุดท้ายบทนี้ส่งให้เขาได้เข้าชิงออสการ์และมีหนังเล่นต่อมาอีกหลายเรื่องตลอด 25 ปี (เขาเลิกกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตหลังแสดงหนังเรื่องนี้)

  • นักแสดงและให้เสียงพากย์: James Cromwell, Hugo Weaving, Magda Szubanski, Christine Cavanaugh, Danny Mann, Miriam Flynn
  • ผู้กำกับ: Chris Noonan (Miss Potter)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30/254 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 97% / 6.8/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขา (วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 6 สาขา (ภาพยนต์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (James Cromwell), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม)

POCAHONTAS

https://youtu.be/BbFzoDcRjYA

หนึ่งในหนังการ์ตูน 2 มิติของ Disney ที่ตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายคน เรื่องราวความรักระหว่างรบของลูกสาวชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียนแดงและทหารอังกฤษซึ่งเกิดขึ้นขณะที่กองทัพเรืออังกฤษเข้ารุกรานรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ ช่วงศตวรรษที่ 17 John Smith ทหารเรืออังกฤษได้พบรักกับ Pocahontas และหลังจากนั้นก็ต้องมาลุ้นว่าความรักของทั้ง 2 จะลงเอยได้หรือไม่ ขณะที่พ่อของนางเอกและทหารฝั่งพระเอกกำลังจะลงมือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อแย่งชิงดินแดน

เรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากหนังไปเยอะก็คือ แม้ว่า John Smith และ Pocahontas จะมีตัวตนจริง แต่ก็ไม่น่าจะมารักกันได้ เพราะตอนที่ Smith ได้พบกับเธอนั้น เธอเพิ่งจะมีอายุแค่ 10 ขวบ นอกจากนี้สิ่งที่หนังเล่าว่า เธอได้ทำการช่วยเหลือ Smith จากการถูกชนเผ่าของเธอสังหารก็ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นจริง ๆ รวมถึงจุดจบของ Pocahontas ก็ไม่ได้สวยหรูอย่างในละคร เธอถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อเป็น Rebecca เพื่อแต่งงาน (กับคนอื่น แน่นอนว่าไม่ใช่ Smith) และถูกบังคับให้เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ ก่อนจบชีวิตตัวเองลงในวัยเพียงแค่ 22 ปี

ชวนอ่าน อ้าวเห้ย…ไม่เหมือนที่ดูกันไปนี่หว่า? เมื่อหนังประวัติศาสตร์เหล่านี้ ไม่ได้สร้างจากเรื่องจริง!

  • ให้เสียงพากย์: Mel Gibson, Christian Bale, Irene Bedard, Billy Connolly, Linda Hunt
  • ผู้กำกับ: Mike Gabriel (Production Designer-Wreck-It Ralph) & Eric Goldberg (Animation Supervisor-Moana)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 55 / 346 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 55% / 6.7/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: ชนะ 2 สาขา (เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Colors of the Wind) และเพลงประกอบยอดเยี่ยม)

JUMANJI

https://youtu.be/9zKOrP5IUGw

Joe Johnston ผู้กำกับของเรื่องเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า สตูดิโอจะอนุมัติให้สร้างก็ต่อเมื่อหนังได้ Robin Williams ผู้ล่วงลับมารับบทนำเท่านั้นซึ่งโชคร้ายว่า เขาเคยปฏิเสธบทร่างแรกไปแล้ว Johnston จึงต้องช่วยกันกับมือเขียนบทแก้บทใหม่จน Williams พอใจ หนังเล่าเกี่ยวกับพี่น้องคู่หนึ่งที่ไปค้นพบเกมกระดานประหลาด เมื่อพวกเขาเริ่มทอยลูกเต๋า สิงสาราสัตว์ก็ยกโขยงออกจากในเกมมาสู่โลกความเป็นจริง รวมถึง Alan Parrish เด็กหนุ่มที่หายตัวไปอย่างลึกลับนานถึง 16 ปีก็ได้กลับออกมาจากในเกมด้วย พวกเขาต้องร่วมมือกันยุติความโกลาหลจากสัตว์ทั้งหลายและเอาตัวรอดจากนายพรานที่ตามล่า Parrish มาจากในเกมด้วยการเล่นเกมให้ชนะ

หนังไปถ่ายทำกันที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเป็นเวลา 5 เดือนซึ่งกำลังเต็มไปด้วยหิมะ ทำให้ทั้งหนาวและพื้นเฉอะแฉะ แต่ก็เป็นเวลาที่หนังต้องเริ่มถ่ายทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทีมงานจึงต้องขอบคุณ Robin Williams ที่ชอบเดี่ยวไมโครโฟน สร้างบรรยากาศให้ทีมงาน นักแสดง และชาวเมืองแห่งนั้นมีความสุขร่วมกันจนถ่ายหนังไปได้ตลอดทั้งเรื่อง Williams นั้นยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักแสดงที่ชอบด้นสดในเทคหลังจากที่เล่นตามสคริปต์กับผู้กำกับบอกไปแล้ว และหลายฉากที่ดีของเรื่องก็มาจากการด้นสดนั่นเอง สุดท้ายหนังประสบความสำเร็จระดับปานกลางแต่ก็มีนักวิจารณ์ในยุคนั้นมองว่า หนังยังน่ากลัวเกินไปสำหรับเด็ก

สตูดิโอ Sony Pictures กลับมารีเมกสานต่อเรื่องราวในภาค 2 Welcome to the Jungle (2017) และภาค 3 ที่ยิ่งฮิตไปกันใหญ่อย่าง Jumanji หนังกลายเป็นภาคต่อที่ประสบความสำเร็จสูงมากของค่าย Sony และเกิดภาคต่อมาอีกคือ Jumanji: The Next Level (2019) ภาค 3 ที่เป็นภาคล่าสุด ทำรายรับรวมทั่วโลกไปถึง 796 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญฯ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างกำลังเตรียมสร้างภาค 4 แล้วที่เหตุการณ์จะออกมาสู่โลกความเป็นจริงไม่ใช่ในเกม (กลับไปเหมือนเรื่องราวในภาคแรกสุดนั่นเอง)

ชวนอ่าน 10 หนังของ “เกมเมอร์ตัวพ่อ-ตัวแม่”

  • นักแสดง: Robin Williams, Bonnie Hunt, Kirsten Dunst, Jonathan Hyde, Patricia Clarkson
  • ผู้กำกับ: Joe Johnston (Captain America: The First Avenger, Jurassic Part III)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 65 / 262 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 55% / 7/10

(อ่านต่อหน้าถัดไป)